ประวัติ (history)

                            ประวัติสหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด

        สหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด เป็นสหกรณ์ภาคการเกษตรที่จัดตั้งโดยการระดมหุ้นจากสมาชิกและได้จดทะเบียนประเภทสหกรณ์การเกษตร โดย นายสมจิตร สงวนถ้อย อดีตกำนันตำบลนาสาร ได้เห็นความสำคัญของสหกรณ์ โดยสภาพพื้นที่ทั่วไปของอำเภอพระพรหม เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำการเกษตร ซึ่งในขณะนั้นได้มีการจัดตั้ง กิ่งอำเภอพระพรหม แบ่งแยกพื้นที่มาจากอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการดำเนินการรับสมัครสมาชิกใหม่ในพื้นที่ กิ่งอำเภอพระพรหม รวม 62 คน โดยมีการถือหุ้นๆละ 10 บาท คนละ 30 หุ้น ทำให้มีทุนเรือนหุ้นแรกก่อตั้งสหกรณ์ 18,600 บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยบาทถ้วน) มีคณะกรรมการดำเนินงาน 10 คน ดังนี้

                       ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ภาคการเกษตร เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2538 โดยใช้สถานที่ตั้งในการจดทะเบียนครั้งแรก บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ที่ 3 ตำบลนาสาร กิ่งอำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนักวิชาการสหกรณ์ 5 ปฏิบัติหน้าที่สหกรณ์อำเภอพระพรหม นายไชยวัฒน์ ซ้ายหัน เป็นผู้กำกับดูแล

                        ต่อมา ปี พ.ศ. 2540 ได้ขอใช้สถานที่สำนักงานสหกรณ์อำเภอซึ่งตั้งอยู่บนที่ว่าการอำเภอพระพรหม และได้รับความอนุเคราะห์จาก นายณรงค์ ธีระจันทรางกูล นายอำเภอคนแรกของอำเภอพระพรหม ให้ใช้สถานที่ของสำนักงานสหกรณ์อำเภอเป็นที่ดำเนินงานชั่วคราว

                        ปี พ.ศ. 2542 นายแฉล้ม สงวนทอง ได้บริจาควัสดุและได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารบริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอพระพรหม และได้มอบอาคารดังกล่าวให้กับสหกรณ์ และสหกรณ์ได้ต่อเติม ปรับปรุงใหม่ให้มีความมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย เพื่อใช้เป็นสำนักงานสหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด และได้เปลี่ยนเป็นบ้านเลขที่ 100/7 หมู่ที่ 7 ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช

                        ปี พ.ศ. 2546 สหกรณ์ฯ ได้จัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างสำนักงาน จำนวน 3 ไร่ เป็นเงิน 750,000 บาท (เจ็ดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)

                      ปี พ.ศ. 2551 สหกรณ์ฯ ได้ก่อสร้างอาคารสำนักงานโดยใช้ทุนของสหกรณ์เองพร้อมด้วย ระบบประปา ไฟฟ้า ก่อกำแพง เสร็จสิ้นเป็นเงิน 7,500,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน) เป็นสำนักงานสหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด และใช้เป็นที่ทำการจนถึงปัจจุบัน

                        ปี พ.ศ. 2556 สหกรณ์ฯ ได้จัดซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 5 ไร่ เป็นเงิน 2,500,000 บาท (สองล้านห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารรวบรวมผลผลิตของสมาชิก